เรื่องต้องรู้ ก่อนปลูกข้าวโพด
ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 61/62 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดประมาณ 6.76 ล้านไร่ มีผลผลิตรวม 4.5 – 5 ล้านตันต่อปี แต่ประเทศไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดประมาณ 8 ล้านตัน โดยผลผลิตส่วนใหญ่นำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น อาหารไก่เนื้อ ไก่ไข่ และสุกร
การปลูกข้าวโพดแบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือ ต้นฤดูฝน 72% ปลายฤดูฝน 23% และฤดูแล้งหรือหลังนา 5% สิ่งสำคัญที่สุดในการปลูกข้าวโพดเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ประการแรก คือ เกษตรกรต้องรู้จักสภาพแปลงปลูก และชนิดดิน เพื่อจะได้เลือกพันธุ์และการดูแลรักษาให้เหมาะสม
สภาพพื้นที่ปลูกข้าวโพดในไทย สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่ม
1. ที่ลุ่ม คือ ที่ดินริมแม่น้ำ ริมหนอง คลอง บึง และอ่างเก็บน้ำ ซึ่งจะมีน้ำท่วมขังในฤดูฝน ดังนั้น ต้องปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวโพดก่อนน้ำท่วม หรือปลูกหลังน้ำลด ดินในเขตนี้จะมีความอุดมสมบูรณ์สูง พื้นที่นี้ส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง และภาคเหนือตอนบน
2. ที่ราบ คือ พื้นที่ดินที่มีความสม่ำเสมอ โดยส่วนมากเป็นดินร่วน ถึงร่วนปนทราย มีการระบายน้ำดี ความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงสูง เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกข้าวโพด ส่วนใหญ่การปลูกข้าวโพดในเขตนี้จะอาศัยน้ำฝน พบมากในภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคอีสานบางส่วน
3. ที่เนินหรือที่ดอน คือ สภาพแปลงที่มีความลาดเท การระบายน้ำดี อาจเกิดการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ทำให้ดินมีลักษณะเป็นทราย มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ พบมากในภาคเหนือตอนบน และภาคอีสานบางส่วน
4. ที่นา เป็นพื้นที่ราบต่ำ มีลักษณะดินเป็นทั้งดินทราย ดินร่วน และดินเหนียว การปลูกข้าวโพดในที่นาจะต้องมีการจัดการการระบายน้ำให้ดี สามารถปลูกได้ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง
นอกจากทราบสภาพพื้นที่การปลูกข้าวโพดทั้ง 4 แบบแล้ว ต้องรู้จักชนิดของดินที่เราปลูกข้าวโพดด้วยว่าเป็น ดินทราย ดินร่วน หรือดินเหนียว เพราะจะทำให้ทราบถึงการดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย และการเจริญเติบโตของข้าวโพด ที่แตกต่างกันไปด้วย
งานวิจัยพันธุ์ข้าวโพดและประกันคุณภาพ CPP